นีโอ-ฮิวแมนีโอ-ฮิวแมนนิส

ทุกคนเกิดมามีความรู้ความสามารถมีความถนัดและความชอบที่แตกต่างกันดังนั้นหลักสูตรการเรียนที่ถูกออกแบบมาเพียงหลักสูตรเดียวแล้วใช้กับเด็กทุกคนนั้นจึงเป็นสิ่งที่ดูขัดแย้งกับความต้องการในการพัฒนาและดึงศักยภาพในตัวเด็กออกมานั่นเองด้วยเหตุผลข้อนี้จึงทำให้เกิดโรงเรียนทางเลือกต่างๆขึ้นมามากมายและโรงเรียนทางเลือกแต่ละแห่งก็มีหลัก วิธีการเรียนตามทฤษฎีต่างๆมากมายด้วยเช่นกันและสำหรับวันนี้เราจะพูดกันถึงหลักการทำงานและการเรียนที่สำคัญตามแบบฉบับของการเรียนในโรงเรียนทางเลือกแบบนีโอฮิวแมนนิสว่ามีหลักการสำคัญอะไรบ้าง หลักการเรียนรู้ที่สำคัญของ  นีโอ-ฮิวแมนนิสต์ ประสิทธิภาพการทำงานของคนเราจะเปลี่ยนแปลงไปตามคลื่นสมองที่เราส่งไปและหลักการสำคัญของนีโอฮิวแมนนิสเชื่อว่าการเรียนรู้ในช่วงเวลาที่มนุษย์มีคลื่นสมองต่ำ จะทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากที่สุดแน่นอนว่ายิ่งขึ้นสมองต่ำลงเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะการที่คนเรามีคลื่นสมองต่ำแบบนี้หมายความว่ามนุษย์เรากำลังมีความสุขสงบทางจิตใจและมีสมาธิใจเย็นอารมณ์ดีพร้อมที่จะมีความคิดสร้างสรรค์และเป็นช่วงเวลาที่ไม่ฟุ้งซ่าน  แต่การที่เราจะเกิดขึ้นสมองต่ำก็ไม่ใช่ เรื่องที่จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้แต่เราจำเป็นที่จะต้องฝึกและพัฒนาทักษะในจุดนี้ขึ้นมาโดยใช้วิธีการฝึกสมาธิหรือการทำโยคะก่อนเข้าห้องเรียนซึ่งวิธีการเหล่านี้จะเป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อและระบบประสาทต่างๆรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นหลักการเรียนการสอนตามแบบฉบับนีโอฮิวแมนนิส จึงใช้กิจกรรมเหล่านี้สำหรับการเตรียมความพร้อมของเด็กๆก่อนเข้าห้องเรียนนั่นเอง ความฉลาดเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมมากกว่าพันธุกรรมดังนั้นความฉลาดจึงเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนกันได้ซึ่งแน่นอนว่าความฉลาดนั้นเกิดจากเซลล์สมองประสานเข้าด้วยกันจึงได้เรียกกระบวนการนี้ ว่าเซลล์ประสานประสาทซึ่งถ้าหากใครมีเซลล์ประเภทนี้เยอะๆก็จะเรียนรู้เรื่องต่างๆได้ดีและเร็วขึ้น เซลล์ต่างๆเหล่านี้จะขยายตัวได้ดีเมื่อเราใช้มือและเท้าซึ่งเป็นอวัยวะที่มีเซลล์ประสาทอยู่มากที่สุดของร่างกายดังนั้นการเรียนการสอนแบบนีโอฮิวแมนนิสจึงเน้นให้เด็กออกนอกห้องปีนป่ายวิ่งเล่นกิจกรรมเคลื่อนไหวเพื่อให้มือและเท้าทำงานมากที่สุด เรื่องของจิตใต้สำนึกเป็นสิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเด็กจะเป็นช่วงวัยที่มีการรับรู้ในเรื่องที่ส่งผลให้จิตสำนึกทำงานมากที่สุดดังนั้นจึงควรฝึกฝังในเรื่องที่ดีและเรื่องที่เป็นบวกซึ่งจะส่งผลให้เด็กมีทัศนคติที่ดีสามารถพัฒนาชีวิตไปสู่ทิศทางบวกตรงกันข้ามกับการดูว่าและดุด่าต่อว่าหรือบ่นว่าเขาไม่เก่งจะเป็นการกระตุ้นให้เด็กบันทึกเรื่องราวลบๆลงไปในจิตใต้สำนึก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลทำให้มีทัศนคติในเชิงลบและมีพฤติกรรมในด้านลบออกมาในอนาคต การให้ความรักความอบอุ่นกับเด็กอย่างเต็มที่ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตัวเด็กจะสามารถรับรู้ได้เป็นอย่างดีและแน่นอนว่าความรักความอบอุ่นของครูจะส่งผลต่อการเติบโตของเด็กโดยตรงและมีแนวโน้มที่เด็กจะเผื่อแผ่ความรักความอบอุ่นแบบนี้ไปยังบุคคลอื่นๆด้วยตรงกันข้ามถ้าหากเด็กขาดความรักและความเอาใจใส่เด็กเหล่านั้นย่อมต้องการความรักและแสดงออกโดยการเรียกร้องหาความรักซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆจะแสดงออกมาในทันทีดังนั้นครูของนีโอฮิวแมนนิส จึงต้องถือเป็นบุคคลที่อ่อนโยนยิ้มแย้มแจ่มใสให้คำชมพร้อมทั้งอบกอดเด็กอยู่เสมอ

Continue Reading